รถมือสองวางเครื่อง/เปลี่ยนเครื่องมาแล้ว.... ดีหรือไม่???

ในบางครั้ง เมื่อเราต้องการเลือกซื้อรถมือสองสักคัน โดยเฉพาะรถยนต์ที่ค่อนข้างเก่าเราอาจจะพบกับรถที่ได้มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์มาแล้ว ซึ่งการเปลี่ยนเครื่องยนต์มาจากเจ้าของเดิมนั้นอาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น

- ต้องการประหยัดค่าเชื้อเพลิง รถกระบะที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล หากเป็นรถดีเซลรุ่นแรกๆ จะค่อนข้างกินน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าเครื่องดีเซลคอมมอนเรลในปัจจุบัน จึงมักจะหันไปวางเครื่องยนต์เบนซิน ขนาดความจุใกล้เคียงขนาดเดิมแต่จะมีจำนวนสูบมากกว่า และ ยังเพิ่มความประหยัดมากขึ้นด้วยการติดตั้งระบบแก๊ส LPG ด้วยเหตุผลที่ว่าราคาแก๊ส LPG จะถูกกว่าน้ำมันดีเซลมากนั่นเอง เช่น รถกระบะส่งของที่มักจะเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ของ Toyota รุ่นรหัสเครื่องยนต์ 1JZ หรือ 2JZ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แบบ 6 สูบเรียง มีทั้งขนาด 2,500 ซีซี และ 3,000 ซีซี เป็นต้น
- ต้องการเพิ่มสมรรถนะให้สูงขึ้น เหตุผลนี้ถือว่าดี และอาจไม่ได้เสียหายอะไรมากนัก หากเราต้องการรถที่มีสมรรถนะสูงขึ้น เช่น รถยนต์ Nissan Cefiro ในรุ่นปี 1990 – 1995 เป็นรถซีดานขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งมีพื้นฐานเดียวกับรถสปอร์ตสมรรถนะสูงในสังกัดเดียวกันเองอย่าง Nissan Skyline ที่มีผู้ชื่นชอบ และหลงใหลในสมรรถนะของรถสปอร์ต นำเครื่องยนต์ของ Skyline ในรหัส RB26 ขนาดความจุกระบอกสูบ 2,600 ซีซี มาเปลี่ยนแทนลงไป ส่วนนี้ถือว่าผู้ที่ซื้อต่อไปนั้นได้กำไรอย่างเห็นๆ
- เครื่องเดิมมีปัญหา เหตุผลนี้ต้องดูให้ละเอียดกันอีกทีว่าสาเหตุเกิดจากอะไร เช่น เคยความร้อนขึ้น (โอเวอร์ฮีท) จนเกิดความเสียหายกับเครื่องยนต์ หรือ เครื่องหลวมเก่ามากไป ซ่อมแล้วราคาค่าซ่อมสูงมาก จนไม่คุ้มที่จะซ่อม จึงเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์รุ่นอื่น แบบอื่น ที่ดูแล้วคุ้มค่ากว่า พร้อมทั้งให้สมรรถนะที่ดีกว่า ลักษณะนี้จะเห็นได้กับรถยุโรปที่ค่อนข้างเก่าแล้วเปลี่ยนเครื่องมาเป็นเครื่องญี่ปุ่น ซึ่งประหยัดทั้งเชื้อเพลิง และค่าบำรุงรักษา ถ้าในเหตุผลแบบนี้ และต้องการรถยนต์ไว้ใช้งานจริงๆ ก็ถือว่ารถคันนั้นใช้ได้ โดยดูสภาพความเรียบร้อยของการดัดแปลง และสภาพตัวถังอื่นๆ เป็นส่วนประกอบด้วย

ถึงอย่างไรก็ตาม รถยนต์มือสองที่ได้มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์มาแล้ว ก็ใช่ว่าจะเป็นรถที่มีตำหนิเสมอไป บางครั้งเครื่องใหม่ที่วางอยู่ อาจจะดีกว่าเครื่องเดิมที่ติดมากับรถแต่แรก ก็เปนด้ายยยยยยย 

By ครีเอทีฟหัวกลม ONE2CAR
ภาพจาก isuzuclub